วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

จะใช้ชีวิตอย่างไรในวัยสูงอายุ

ผมมักจะได้รับคำถามทำนองนี้บ่อยๆว่า เมื่อมีวัยสูงอายุหรือจะเรียกง่ายๆว่าแก่มากขึ้น จะใช้(บริหาร)ชีวิตอย่างไร(ให้มีความสุข) ผมเองก็ไม่รู้ว่ามีหลักการหรือทฤษฏีอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง จึงตอบคำถามนี้ไปแบบชาวบ้านๆว่า
1. ดูแลสุขภาพตนเองให้ดี หมายความว่าหากไม่มีโรคประจำตัวก็ถือว่าโชคดี หากมีโรคประจำตัวก็พยามทำตัวใกล้หมอ ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด ผมมีหลักการเป็นส่วนตัวว่า หมอเป็นเพียงผู้ค้นพบว่าเราเป็นโรคอะไร และให้คำแนะนำในการกินยาหรือปฏิบัติตัว แต่ที่สำคัญตัวเราเองนั่นแหละเป็นผู้รักษาตัวเอง เพราะไม่มีใครที่จะรู้ดีไปกว่าตัวเรา
2. อย่าเครียด อย่าพยายามทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ มองบุคคลที่อยู่รอบตัวหรือลูกหลานว่า ทุกคนล้วนแต่มีเรื่องของเขาที่เป็นภาระที่เขาต้องดูแลอยู่แล้ว อย่าพยายามเอาตัวเราไปเพิ่มภาระให้เขาอีก อย่าน้อยใจว่าไม่มีใครมาดูแลเรา แล้วเกิดอารมณเครียด
3.พยายามช่วยตนเองให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน ไปโรงพยาบาล ฯลฯ
4.หางานอดิเรกให้ตนเองทำ เพื่อมิให้เกิดความเหงา หรือมีชีวิตอยู่ไปแบบเซ็งๆ
5.หาโอกาสไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง บางคนอาจจะเข้าวัดฟังธรรมหรือไปคุยกับพระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่ว่ากัน
6.พยายามนึกว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขที่บอกเราว่า เราใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้มานานเท่าไรแล้ว เราใช้ร่างกายที่เป็นตัวเรานี้มานานเท่าไรแล้ว ร่างกายก็เสมือนบ้านพักอาศัย มันต้องมีการชำรุดเสียหายบ้างเป็นธรรมดา อย่าไปวิตกกังวลกับมันมากนัก มันชำรุดเสียก็พยายามรักษามันไปเท่าที่จะทำได้ รักษาไม่หายเราก็ไปหาร่างใหม่อยู่แทน (ตายแล้วเกิดใหม่)
7.ขอให้มีความเชื่อในเรื่อง บาป บุญ กรรม พยายามทำแต่ความดี อย่าทำกรรมชั่ว เพราะมันจะติดตัวเราไปตลอด แบบเงาติดตามตัวเรา
8.อย่าตั้งอยู่ในความประมาท เช่นการใช้ชีวิตประจำวันในการเข้าห้องน้ำ ขึ้นลงบันได ขึ้นลงรถเวลาออกจากบ้านไปทำธุระที่ต่างๆ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุแล้วจะแก้ไขลำบาก
9.ดูแลเรื่องอาหารการกิน อย่ากินตามใจอยาก ต้องนึกอยู่เสมอว่าทุกคำที่กินอะไรเข้าไป ล้วนมีผลต่อร่างกายทั้งนั้น พยายามกินแต่ของที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย (เช่นผัก ผลไม้ ฯลฯ) มันจะดีต่อระบบขับถ่ายของร่างกาย

ตามที่กล่าวมาข้างต้นนี้คือวัตรปฏิบัติ ที่ผมพยายามทำอยู่เสมอ ทุกวันนี้ผมก็ภูมิใจว่ามีอายุมากขนาดนี้แล้ว ผมยังมีความสุขได้ตามอัตถภาพ
ลองพยายามทำนะท่าน

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

คอลัมน์ซุบซิบใน นสพ.รายวันสมัยก่อน

ผมจำได้ว่าสมัยที่เทคโนโลยีด้านไอทียังไม่เจริญเท่าวันนี้ ผู้คนทั่วไปที่สนใจอยากรู้เรื่องของชาวบ้าน ไม่ว่าจะระดับไหน มักจะนิยมอ่านคอลัมน์ประเภท กอสสิป หรือที่คนไทยเราคุ้นเคยกันในชื่อว่า "ซุบซิบ" นั่นเอง
ประมาณ 25-30 กว่าปี คอลัมน์ซุบซิบ ในนสพ.รายวันที่คนนิยมอ่านกัน เห็นจะมีสองสามฉบับคือ

-คอลัมน์"ลัดดาซุบซิบ" นสพ.รายวันยักษ์ใหญ่ไทยรัฐ
-คอลัมน์ "อนันตน์ธนาพาที" นสพ.รายวันเดลินิส์
-คอลัมน์ "พอใจไขข่าว" นสพ.เดลิไทม์

ทั้งสามคอลัมน์นี้คนอ่าน นสพ.สมัยนั้นนิยมอ่านกันมาก รองลงมาจากข่าวสังคม หน้า 4 ซึ่งเป็นข่าวย่อยเกี่ยวกับบุคคล เหตุการณ์บ้านเมืองในสมัยนั้นๆ

ถามว่าผู้เขียนคอลัมน์ซุบซิบเหล่านี้เอาเรื่องใครต่อใครมาเขียนได้อย่างไร ทุกวันทุกเดือน เป็นปี คำตอบคือผู้เขียนคอลัมน์เหล่านี้จะต้องรู้จักคนมาก และบางคนมีแหล่งข่าวคอยป้อนข้อมูลให้ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร เป็นต้น

บางท่านก็ยังทำกิจกรรมเหล่านี้อยู่ แต่เปลี่ยนรูปแบบมาทำเป็นรายการออกอากาศทาง ทีวี แทน เช่น "คอลัมน์ลัดดาซุบซิบสุดสัปดาห์" ออกอากาสทาง ทีวี TNN 24 เป็นต้น แต่ยังรักษาเอกลักษณ์และอรรรสให้คงที่เหมือนเดิม ผู้คนที่เป็นแฟนคลับก็กลับมาติดตามดูเหมือนเช่นที่เคยอ่านในหน้า นสพ.รายวัน เมื่อก่อน

แต่วันนี้พฤติกรรมของคนสมัยใหม่มีเว็บไซต์ประเภท Social Network มาใช้แทน ซึ่งทันสมัยทันต่อเหตุการณ์และทันใจมากขึ้น
โดยสรุปแล้วคนเราก็ยังสนใจเรื่องของคนอื่นอยู่ดีนั่นเอง